เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๑๔ ต.ค. ๒๕๖๒

เทศน์เช้า วันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๖๒

พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต


ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี


ตั้งใจฟังธรรมะนะ ธรรมะนี้มันออกมาจากใจ

เวลาจิตที่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ จิตที่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะเป็นผู้ที่แบกทุกข์ แบกโศก แบกเศร้า แบกความช้ำระกำใจทั้งสิ้น เรามีความสุข ความสุขแป๊บเดียว

เวลาสิ่งที่มันออกมาจากจิตๆ เวลาออกมาจากจิต ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากราบธรรมๆ 

เราพูดทุกวัน คำว่า “องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากราบธรรม” เพราะต้องอ้างว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นผู้ที่พุทธจริต จริตที่ไม่มีใครจะมีสติปัญญาได้เท่ากับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าฉลาดเลิศในสามโลกธาตุ แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากราบพระพุทธ พระธรรม กราบธรรมๆ

พระเขาถาม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากราบอะไร เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

กราบธรรมๆ

เราจะบอกว่า ธรรมะนี้มันยิ่งใหญ่ ธรรมะนี้มันละเอียดลึกซึ้ง ธรรมะที่จะเข้าถึงได้มันต้องมีหัวใจที่มีคุณธรรม ไม่ใช่แจ๊ดๆๆ แล้วก็จะบรรลุธรรม มันไม่มีหรอก มันบรรลุธรรม ถ้าบรรลุธรรมมันเป็นไปไม่ได้ มันเป็นไปไม่ได้ เห็นไหม

เวลาเราพูดถึงทุนนิยม ทุนนิยมเป็นเรื่องของกิเลส กิเลสกับทุนนิยมเป็นเรื่องของการปลุกเร้า การใช้จ่าย การแย่งชิง นี่ทุนนิยม แล้วก็ต้องมีสังคมนิยม พอสังคมนิยม สังคมนิยมต้องเสมอภาคๆ

เติ้ง เสี่ยวผิงมันบอก แมวขาวหรือแมวดำไม่สำคัญ สำคัญที่มันจับหนูได้ เติ้ง เสี่ยวผิงมันพลิกแพลงให้เมืองจีนจนคนจนในเมืองจีนลดลงเกือบทั้งประเทศ นี่เพราะอะไรล่ะ

นี่ไง สิ่งที่ว่าเสมอภาคๆ ไง พรรคคอมมิวนิสต์มันก็ต้องจนเหมือนกัน ทุกข์เหมือนกันไง อัตคัดขาดแคลนเหมือนกันไง เพราะอะไร เพราะคนเรามันต้องมีการแข่งขัน คนมันถึงจะพัฒนา เวลาพัฒนาขึ้นไป เห็นไหม

นี่พูดถึงธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไง มันละเอียดลึกซึ้งเกินไปนะ ไม่ใช่ว่า แหม! จะมาขีดเส้นว่าเสมอภาคๆ แล้วมันจะมาเป็นธรรมะๆ มันเป็นไปไม่ได้หรอก มันเป็นเรื่องของกิเลส มันเป็นเรื่องของโลก พอเป็นเรื่องของโลก เอาทฤษฎี เอาสิ่งที่เป็นรูปธรรม เอาสิ่งที่เป็นแร่ธาตุมาวัดกันว่ากูเสมอภาค แล้วนับนิ้วเลยนะ เออ! มึงกับกูเท่ากันๆ เท่ากันกันหมดเลย ตายไปสองล้านกว่าคนในเขมรนั่นน่ะ เขมรล้างเผ่าพันธุ์เลยล่ะ มันจะล้างสมอง ล้างความคิดคนให้ได้ เป็นไปไม่ได้

แต่ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสุดยอด คนทุกข์คนจน คนทุกข์คนยาก เศรษฐีกุฎุมพีมาบวชเป็นพระแล้วประพฤติปฏิบัติเป็นพระอรหันต์ ทุคตะเข็ญใจจนไม่มีจะกิน มาบวชแล้วประพฤติปฏิบัติมาแล้วเป็นพระอรหันต์ ความจะเป็นพระอรหันต์ขึ้นมาเป็นจากศีล สมาธิ ปัญญา ระดับของศีล ถ้าศีล สมาธิ ปัญญา

ถ้ามีศีล สมาธิ ปัญญา เป็นมรรคเป็นผลขึ้นมา มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประธาน เป็นคนคอยชี้แนะว่าถูกหรือผิด ความถูกหรือผิด ถูกหรือผิดในหัวใจดวงนั้น ถ้าหัวใจดวงนั้น ถ้าเป็นสัจธรรมขึ้นมา นี่เป็นมรรคเป็นผลไง

ไอ้นี่สมาธิก็ทำไม่เป็น แล้วปัญญามันเกิดมาจากไหน โลกียะ โลกุตตระ โลกียะอะไรของมึงน่ะ โลกุตตระอะไรของมึง โลกุตตระมาจากไหน สมาธิไม่รู้จัก มันจะเป็นโลกุตตระได้อย่างไร

เวลาศีล ขั้นของศีล ขั้นของศีล ขั้นของโลก วัฒนธรรมประเพณีนี่ขั้นของศีล เวลาคนไปถือศีลๆ ไง แล้วถ้ามันมีกิเลสตัณหาความทะยานอยากในใจของมัน ก็มือถือสาก ปากถือศีลไง

เวลาปากบอกถือศีลๆ ต้องเสมอภาคๆ ว่าเสมอภาค พรรคคอมมิวนิสต์นะ มันต้องเสมอภาค แต่เวลาเขาร้องเรียนว่าผู้นำเป็นศักดินา เฮ้ย! เสมอภาค แต่นี่เป็นความคิดสมอง แรงงานสมองต้องได้แรงงานมากกว่า

ไปดูสิ ไอ้ประธานพรรค มันมีที่ล่าสัตว์นะ ที่อยู่มันยิ่งกว่าราชวังอีก เสมอภาคๆๆ มันเสมอภาคจากไหน เสมอภาคแบบคอมมิวนิสต์ใช่ไหม เสมอภาคบอกว่าต้องอยู่ต้องกินเหมือนกันใช่ไหม นี่เวลาเสมอภาคอย่างนั้นหรือ

คนอยู่ คนกิน ธาตุขันธ์ ในวงกรรมฐานนะ คนใดแพ้อาหารสิ่งใดเขาจะรู้ ได้สิ่งใดมาเขาจะหลีกจะเลี่ยงกัน พระถ้าอยู่ประพฤติปฏิบัติด้วยกัน รู้ถึงจริต รู้ถึงนิสัย รู้ถึงธาตุสังขาร บางคนแพ้ แพ้จริงๆ บางคนแพ้หน่อไม้ กินหน่อไม้ไม่ได้ บางคนแพ้สิ่งใด มีแพ้มะเขือพวง กินมะเขือพวงไม่ได้ เพราะกินแล้ว

เราอยู่กับหลวงปู่เจี๊ยะ ท่านแพ้มะเขือพวง ท่านแพ้ทุกอย่าง พอฉันเข้าไป บวมเป่งเลยล่ะ เห็นกับตา เพราะอะไร เพราะเอาใจโยมไง เวลาโยมมาน่ะถวายท่าน เราก็รู้อยู่ว่าท่านแพ้ ท่านฉันไม่ได้ แต่จะเอาใจเขา พอเอาใจเขา พอฉันเข้าไป พอโยมเขากลับไปแล้ว เขาได้บุญไปแล้วแหละ แต่ตอนบ่ายน่ะ “นี่เจ็บๆ” เพราะเราเป็นอุปัฏฐากอยู่ เราเป็นคนดูแล นี่เพราะเอาใจโยมไง แต่ถ้าไม่เอาใจโยม เห็นไหม

นี่พูดถึงว่า เราไปวัดไปวา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากราบธรรมๆ สัจธรรมนี้ยิ่งใหญ่นักนะ ถ้าสัจธรรมยิ่งใหญ่นัก ของเรานี่นะ ระดับของทาน เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะเทศนาว่าการนะ อนุปุพพิกถา ให้เขาเสียสละ ให้เขาทำทานของเขาก่อน ถ้าเขารู้จักเสียสละ เขารู้จักเห็นหัวของมนุษย์ เขารู้จักเห็นคนรอบข้าง

คนเรานะ เวลาคนที่เป็นเจ้าของกิจการ กว่าเราจะสร้างเนื้อสร้างตัวได้มา เราทุกข์ยากมาขนาดไหน แล้วเรามีคนงานของเรา เราจะดูแลคนงานของเราที่ดีงามเลย แล้วคนงานของเราเป็นคนที่ฉลาด คนงานของเราเป็นผู้ที่รักษาผลประโยชน์ คนงานของเราเป็นคนที่ดี คนงานของเราเป็นคนอู้ คนงานของเราเป็นพาล คนงานของเราเป็นคนทุจริต ผู้อำนวยการ เจ้าของบริษัท เขารู้เขาเห็นหมดน่ะ

นี่บริษัท ๔ ไง มนุษย์เกิดมามีความรู้ ความคิด ความเห็นแตกต่างกันไป องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะมาขีดเส้นให้ทำเหมือนกันมันเป็นไปไม่ได้ พอมันเป็นไปไม่ได้ มันเป็นไปไม่ได้ตรงไหน

มันเป็นไปไม่ได้ตรงใจของเขา เพราะเขาทำแล้วเขาไม่ได้ประโยชน์ในใจของเขา ใครชอบสิ่งใด ใครได้ประสบสิ่งใด นั่นก็เป็นบุญกุศลของเขา เขาก็ได้ประโยชน์กับสิ่งนั้น นี่มันจริตนิสัย ใครกำหนดพุทโธ ใครอานาปานสติ ใครปัญญาอบรมสมาธิ ใครระลึกถึงคนตาย มรณานุสติ มันอยู่ที่จริตนิสัย เวลามันนึกแล้วมันสลดสังเวช

คนเรานะ เวลามันนึกถึงความตาย บางคนมันนึกไม่ได้ พอนึกแล้วขาอ่อนเลย มันกลัวไปหมดเลย แต่บางคนมันแบบว่ามันดื้อด้านเกินไปน่ะ พอเรื่องความตายมันหยุดได้ มันหยุดได้ นี่มันเป็นจริตเป็นนิสัย เป็นการทำความสงบใจของเข้ามา สัมมาสมาธิมันเป็นอย่างไร สัมมาสมาธิ

เวลาดูถูกดูแคลนนะ เวลาเราดูถูกดูแคลน สมถะ สมถะเพราะอะไร เพราะว่าเวลาหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านสอนขึ้นมาแล้วมีคนกระทำตามท่านแล้วได้ประโยชน์มามหาศาล แต่คนที่ทำไปแล้ว เวลาจิตมันสงบแล้วเดี๋ยวมันก็เสื่อม เวลาเสื่อม คนเรามีกิเลสไง

เวลาคนมีกิเลส เวลามันเสื่อมแล้วมันอยากได้ เวลามันอยากได้มันพยายามประพฤติปฏิบัติ มันกระทำแล้วมันไม่ได้ กิเลสมันซ้อนกิเลสไง เหมือนคนเป็นโรคภูมิแพ้ มันซับซ้อน โรคมันซับซ้อนมันก็ทำได้ยาก พอทำได้ยากมันก็จะไปทางอื่น เห็นไหม

ฉะนั้น เวลาคนที่ประพฤติปฏิบัติ เราภูมิใจนะ ยุวพุทธเขาฝึกเด็กๆ เด็กเล็กๆ มันไปฝึกหัดกำหนดอานาปานสติ ๕ ขวบ ๑๐ ขวบ “เมื่อก่อนเคยกลัว เดี๋ยวนี้ไม่กลัวแล้ว เมื่อก่อนเป็นคนที่โมโหโทสะ เดี๋ยวนี้ไม่มีโทสะแล้ว”

แล้วไอ้คนที่ปฏิบัติมันบอกเลย “เมื่อก่อนเราเป็นคนขี้โกรธ เดี๋ยวนี้ไม่โกรธแล้ว”

หา? พูดเหมือนเด็กๆ พูดเหมือนเด็กๆ ที่ไปฝึกกับยุวพุทธ พูดเหมือนเด็กๆ เด็กๆ มันพูดอย่างนี้ “เมื่อก่อน อู้ฮู! กลัวมาก ไม่กล้าไปออกหน้าชั้นเลย พอกำหนดอานาปานสติ เดี๋ยวนี้ยืนหน้าชั้นพูดได้แจ้วๆ เลย ความกลัวหายไป”

แค่นั้นหรือ

นี่ไง เพราะอะไร เพราะว่ามันมีขั้นตอนของมัน

เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากราบธรรมๆ เวลาอนุปุพพิกถา เวลาคนที่เขาไม่รู้เหนือรู้ใต้ ไม่สนใจสิ่งใดเลย ให้เขารู้จักเสียสละ พอรู้จักเสียสละ เขาจะมีความภูมิใจในตัวเขา เวลาเขาภูมิใจในตัวเขา เขาจะค้นคว้าในตัวเขา

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนให้ทำความสงบของใจเข้ามา ถ้าใจมันสงบเข้ามา เห็นใจของตนขึ้นมา พุทธะ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน มันยิ่งมหัศจรรย์ขึ้นมา

แค่สมาธิมึงยังทำกันไม่เป็นเลย

หลวงตาพูดประจำ สมาธิยังทำไม่เป็นเลย จะไปภาวนาอะไรกัน

ไอ้ที่พูด จินตนาการทั้งนั้นน่ะ ไอ้ที่ว่าเป็นธรรมๆ พรรคคอมมิวนิสต์ ต้องจนเหมือนกัน ต้องเสมอภาค อย่างนั้นหรือการปฏิบัติธรรม ไม่มี

ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต แล้วมันเป็นปัจจัตตัง สันทิฏฐิโกในใจของคนแต่ละคนที่มันจะเป็นจริงขึ้นมา ถ้าเป็นจริงขึ้นมา ขั้นของปัญญามันยังไปอีกไกลมากกว่านี้ เพราะถ้ามันขั้นของปัญญา ศีล สมาธิ ปัญญา

เวลาขั้นของปัญญาภาวนามยปัญญาไป ฟังหลวงตาเทศน์สิ พอเวลาปัญญาท่านหมุนติ้วๆ เวลามันเกิดมรรคเกิดผล มันมหัศจรรย์ นั่นน่ะภาวนามยปัญญา ปัญญาเกิดจากการภาวนา มันไม่มีสิ่งใดจะไปควบคุมบังคับมันได้ ถ้าไม่มีสิ่งใดไปควบคุมบังคับมันได้ ในมรรค ๘ มีสติชอบ ในตัวมันเองมีสติ มีสมาธิ มีปัญญาควบคุมในตัวของมันเอง

ดูพายุมาสิ พายุมันมาจากไหน เวลาพายุมันมา มันก่อตัวขึ้นมาจากอุณหภูมิในท้องทะเลนู่นน่ะ เวลามันก่อตัวขึ้นมาได้ มันพัดราบหมดเลย แต่ถ้ามันมาพอดี มันมาแล้วเป็นฤดูกาลของเรา ฝนตก ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล เรามีน้ำดื่มน้ำใช้ เกษตรกรมีการทำไร่ทำนา

นี่ไง ถ้ามันเกิด มันเกิดมาอย่างไร แล้วบอกว่าโลกุตตระ มันโลกุตตระที่ไหน มันไม่มีหรอก มันไม่มีมาแต่ดั้งเดิม ไม่มีมาแต่ดั้งเดิมที่ไหน ไม่มีมาแต่ดั้งเดิมตรงที่เวลาเขาพูดออกมานั่นน่ะ ไอ้นั่นมันเป็นต่อยหอย ขุนทอง บินซะบิน การบินเป็นธรรมชาติของนก

นี่ไง สัจธรรม สัจธรรมที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากราบธรรมๆ สัจธรรม ธรรมะมันมีอยู่แล้ว องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นผู้ที่ค้นคว้าขึ้นมา การค้นคว้าขึ้นมามันมีเหตุมีผลของมัน เห็นไหม

ศีล สมาธิ ปัญญา โสดาปัตติมรรค โสดาปัตติผล สกิทาคามิมรรค สกิทาคามิผล อนาคามิมรรค อนาคามิผล อรหัตตมรรค อรหัตตผล มันมีระดับของมัน มันมีระดับของมัน มีวิวัฒนาการพัฒนาจิตของมัน ถ้ามันมีการวิวัฒนาการพัฒนาจิตของมัน แล้วเอ็งพัฒนาอย่างไร

พรรคคอมมิวนิสต์จนเหมือนกัน เติ้ง เสี่ยวผิงมันมาพลิกกลับ แมวขาวหรือแมวดำไม่สำคัญ สำคัญว่าให้มันจับหนูได้

ในการประพฤติปฏิบัติของเรา ความเป็นอยู่ จริตนิสัยของคนไม่เหมือนกัน สำคัญว่าเราทุกข์ไหม

เวลาหลวงปู่ฝั้นท่านสอนน่ะ มันมี ๙ ประโยคเป็นเลขาของเจ้าคณะภาค เขาบอกว่าเขาอยากจะประพฤติปฏิบัติมาก เขาศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทะลุปรุโปร่งหมด

เพราะเขาจบ ๙ ประโยค แล้วมีสถานะเป็นเลขาของเจ้าคณะภาคนะ เจ้าคณะภาคคือควบคุมทั้งภาค แล้วเขาอยากจะประพฤติปฏิบัติมาก แล้วเวลาเขาอยากจะประพฤติปฏิบัติขึ้นมา เขาบอกว่าเขาศึกษามาหมดแล้ว องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนพระโมคคัลลานะ สอนพระสารีบุตร สอนพระกัสสปะ สอนต่างๆ มันไม่เห็นเหมือนกันเลย แล้วให้ผมทำอย่างไรล่ะ นี่ถามหลวงปู่ฝั้นไง

หลวงปู่ฝั้นท่านตอบ ทุกข์มึงอยู่ไหนล่ะ ทุกข์น่ะ

มันต้องทุกข์ที่ตัวเรา มันต้องเป็นที่สัจจะของเรา มันต้องเริ่มต้นที่จิตของเรา แล้วจิตมึงอยู่ไหน สมาธิทำเป็นหรือเปล่า จะมีสมาธิหลับตา สมาธิลืมตา

พอคำว่า “สมาธิหลับตา สมาธิลืมตา” พื้นฐานเบสิกใช้ไม่ได้แล้ว มันไม่มีอยู่จริง

แล้วบอกว่า เพราะเราหลับตามาก่อน เราฟุ้งซ่าน เราเห็นนิมิต มันมีการกดจิต มันเป็นการข่มขี่ ทำอะไรไม่เป็น

ก็เอ็งภาวนาไม่เป็นไง เพราะเอ็งมีทิฏฐิมานะ เอ็งไม่มีครูบาอาจารย์คอยชี้นำไง เวลาถ้ามีครูบาอาจารย์ชี้นำนะ ท่านจะให้อุบาย ท่านไม่บอกหรอก มันบอกมันยิ่งเกิดทิฏฐิเกิดมานะ

อย่างเรา เรารู้เราเห็นสิ่งใดขึ้นมา เราก็จะเอาชนะเขา เถียงฉอดๆๆ เลย จะเอาชนะเขา เอ็งก็เถียงไปสิ แต่เวลาครูบาอาจารย์ท่านใช้อุบาย เอ็งลองทำอย่างนี้สิ หนึ่งกับสองมันแตกต่างกันอย่างไร สี่กับห้ามันแตกต่างกันอย่างไร บวกลบคูณหารมันแตกต่างกันอย่างไร เอ็งก็ลองทำดูสิ

เออ! พอไปบวก เฮ้ย! มันไม่ใช่ลบเว้ย เฮ้ย! ไปคูณมันได้มากกว่านะ เวลาปัญหาก็จบหมดเลย นี่ไง มันแตกต่าง พออย่างนั้นไปมันก็จะเข้าใจ มันก็จะรู้ของมันขึ้นมา นี่ไง แล้วถ้าเขารู้ขึ้นมามันก็เป็นสิทธิของแต่ละบุคคล

ในการประพฤติปฏิบัติมันไม่มีให้จนเสมอกันหรอก ต้องกินผักกินหญ้าเหมือนกูนี่โลกุตตระ ไอ้พวกนู้นมันเคี้ยวเนื้อ เคี้ยวแต่สิ่งที่เป็นกิเลส

คนเรามันไม่ใช่อยู่ที่การกิน ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านสอนให้พระเรียบง่าย อย่าเป็นภาระของบริษัท ๔ พระนี่นะเขาไม่ให้เป็นภาระใคร แล้วคนที่ไม่เป็นภาระใครมันจะเอาตัวรอดได้ เอาตัวรอดได้เพราะมันจะไปอยู่ที่ไหนก็ได้

เวลาจิตที่มันจะภาวนานี่นะ มันพัฒนาขึ้น จิตเราเวลามันดี เราไม่อยากสุงสิงกับใครเลย แล้วจิตของเราเวลามันพัฒนาแล้ว มันไม่ห่วงอาหาร ไม่ห่วงอะไรเลย แล้วมันห่วงอย่างเดียว ห่วงคนที่มากวน มากวนคือมาแย่งเวลา มาแย่งเวลาที่มันจะเข้าด้ายเข้าเข็มที่เราจะเป็นจริงขึ้นมา คนนู้นก็จะอย่างนี้ คนนี้ก็จะอย่างนั้นน่ะ แหม! ไม่เมตตาหนูเลย

กูจะตายอยู่แล้ว ยังจะไปเมตตาใครอีก

นี่ไง เวลามันเข้าด้ายเข้าเข็ม ภิกษุถึงให้เป็นผู้ที่ให้เลี้ยงง่าย เลี้ยงง่ายสิ ชาวบ้านเขาอยู่อย่างไร เราอยู่ให้ได้ต่ำกว่าเขา ไม่ต้องไปดัดจริตเหนือเขา สูงกว่าเขา นี่ไง ภิกษุเป็นผู้เลี้ยงง่าย ถ้าความเป็นอยู่อย่างนั้นใช่ไหมถึงจะเป็นธรรมๆ

มันเป็นเรื่องวัตถุ เป็นเรื่องโลก เรื่องโลกๆ ทั้งสิ้น ไม่มีอะไรเป็นธรรมเลย ถ้ามีอะไรเป็นธรรมนะ ศีล สมาธิ ปัญญา เวลาศีลนะ มีศีลต้องมีปัญญาถึงถือศีลได้ เวลาถือศีลได้ ทำความสงบของใจเข้ามา ถ้าใจสงบแล้วนะ ไอ้คนที่มันทำไม่เป็น เวลามันพูด อ้าปากรู้เลย ไอ้นี่ไม่เป็น แล้วไอ้คนที่เคยเป็น เป็นแล้วทำอีกไม่ได้ เพราะมันเจริญแล้วเสื่อม แล้วเวลาถ้ามันยกขึ้นสู่วิปัสสนาเป็น นั่นล่ะภาวนามยปัญญาจะเกิด

ภาวนามยปัญญา ภาวนามยปัญญานั้นถึงเป็นโลกุตตระ โลกุตตระเพราะอะไร โลกุตตระเพราะมันจะพ้นจากโลกนี้ไป พระโสดาบันเกิดอีก ๗ ชาติ พระสกิทาคามีเกิดอีก ๓ ชาติ พระอนาคามีไม่มาเกิดอีกแล้ว ไปเกิดบนพรหม

เขาบอกว่า มันจะมีจริงหรือ ๗ ชาติ ๗ ชาติน่ะ พระโสดาก็คือโสดา โสดาก็พวกเรานี่แหละ เช้าขึ้นมาก็โสดาตราสิงห์ เอาโสดามากินร่วมกัน โสดามากินกับน้ำผึ้ง โอ้โฮ! สุดยอด

เขาพูดถึงมรรคถึงผล ไม่มีเหตุมีผลอะไรเลย ไม่มี เพราะไม่มีเหตุมีผลมันก็ย้อนไปที่คำพูด คำพูดที่มันพูดออกมามันบอกถึงสัจธรรมในหัวใจ มันเป็นการนกแก้วนกขุนทองน่ะ

ขุนทอง บินเถอะบิน พอมันบินแล้วมันจะรู้เลยว่า เออ! กรงที่กูมีความรู้ ที่มีทิฏฐิมานะ ที่กูว่ากูเข้าใจ กูแน่ มันจะทิ้งไว้นั่น กรงอยู่นี่ กรงเอ็งอยู่ที่นี่นะ ข้าจะไปแล้ว

ขุนทอง บินเถอะบิน ถ้าบินแล้วมันจะรู้จัก

คนที่ปฏิบัติแล้ว ปัจจัตตัง สันทิฏฐิโก รู้หมดน่ะ ปัจจัตตัง สันทิฏฐิโก คำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประเสริฐนะ ธรรมและวินัยเป็นศาสดาของเรา ไม่มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นผู้รื้อค้นมา มันจะเกิดพระพุทธ พระธรรมขึ้นมาได้อย่างไร

แสดงธรรมขึ้นมา พระอัญญาโกณทัญญะมีดวงตาเห็นธรรม เกิดพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พระสงฆ์ที่ไม่ตื่นข่าว ไม่ถือนอกพระพุทธศาสนา ไม่ถือนอกคำสั่งคำสอน นั้นถึงจะเป็นสงฆ์

ไอ้นี่อ้างธรรมะพระพุทธเจ้า แล้วก็แล้วแต่กูจะตัดแต่งของกูไปเรื่อย กูจะพลิกแพลงของกูไปเรื่องของกู นั่นไง นั่นน่ะนกขุนทอง แต่ถ้าเป็นจริงๆ ขึ้นมามันต้องเป็นจริงในหัวใจ

ถ้าเป็นจริงในหัวใจนะ ครูบาอาจารย์ของเรากราบราบ กราบพระพุทธ พระสงฆ์ พระธรรมด้วยหัวใจ กราบราบจากหัวใจ

ไม่ใช่มานกแก้วนกขุนทอง เอามาเป็นสินค้า เอามาแอบเอามาอ้าง เอามาชักชวน มันไร้สาระ มันไม่มีอยู่จริง

ถ้ามันเป็นความจริงๆ นะ ศีล สมาธิ ปัญญา มรรคผลมันมีอยู่มาดั้งเดิม แล้วผู้ที่ปฏิบัติเข้าไปเห็นความเป็นจริงแล้วนะ สิ่งนั้นปัจจัตตัง สันทิฏฐิโกในหัวใจนั่นน่ะซาบซึ้ง

แล้วสิ่งที่พูดน่ะ เรื่องโลกๆ เรื่องโลกๆ เพราะอะไร เพราะสอนโลก สอนมนุษย์ สอนคน แล้วบอกนี่โลกุตตระ แล้วเดินไปเดินมา ในพวกที่เดินไปเดินมา ฟังคำสั่งเรา พวกนี้มีโสดาบันนะ อย่างน้อยโสดาบัน อย่างมากจะเป็นพระอรหันต์หมดเลย

อู้ฮู! อย่างนั้นการเกษตรกรรมของเรา พระอรหันต์เต็มท้องนาเลย ชาวนาเราก็จะเป็นโสดาบันหมดน่ะ แต่เขาบอกไม่ได้หรอก เพราะอะไร เพราะไม่ได้เป็นพวกข้า เลยกลายเป็นโลกียะ ถ้าเป็นพวกข้าเลยเป็นโลกุตตระ

โลกียะ โลกุตตระ แล้วแต่มันจะชี้หัว ไม่มี

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนนะ ปัจจัตตัง สันทิฏฐิโก กาลามสูตร อย่าเชื่อมัน อย่าเชื่อมัน อย่าเชื่อพระสงบ อย่าเชื่อใครทั้งสิ้น ถามใจของตน ถ้าคนมีสติปัญญามันถามได้ คนที่อ่อนด้อยมันหาแต่จะเกาะคนอื่น ถามใจของตน กาลามสูตร อย่าเชื่อใครทั้งสิ้น เชื่อประสบการณ์ เชื่อความจริง เชื่อสติ เชื่อปัญญาของเรา แล้วเราจะไม่เป็นเหยื่อของใครทั้งสิ้น เอวัง